เปิดชนวน กระบะหัวร้อน ทำร้ายหนุ่มไรเดอร์ ยันเอาเรื่องถึงที่สุด กระเช้าสวยๆหรือคำขอโทษไม่พอ
จากกรณี ในโลกโซเชี่ยล เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ ที่พนักงานส่งอาหารไรเดอร์ ถูกไล่ทำร้ายร่างกาย ริมถนนเพชรเกษม ช่วงหน้าศาลเจ้าพ่อเสือ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 เวลา 09:45 น
วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวจึงได้ ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยเดินทางไปพบนายจิราพัชร อายุ 36 ปี หนุ่มไรเดอร์ ที่ถูกทำร้ายร่างกาย เป็นพนักงานส่งอาหารของบริษัทแห่งหนึ่ง โดย นายจิราพัชร เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
เมื่อวานตอนช่วงประมาณ 09.00น. กำลังจะไปส่งอาหารให้กับลูกค้าที่ซอยเพชรเกษม42 โดยขี่รถมาบนถนนเพชรเกษมขาออก ช่วงฝั่งตรงข้ามซอยเพชรเกษม46 ที่เลนซ้ายมือ ก่อนจะเปิดไฟขอทางเพื่อเข้าเลนกลาง เตรียมกลับรถในช่วง200เมตรข้างหน้า
ตอนนั้นรถคู่กรณีขับคร่อมเลนอยู่ระหว่างเลนซ้ายสุดและเลนกลาง โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ตนไม่แน่ใจว่าคู่กรณีจะไปเลนไหนกันแน่จึงบีบแตรเตือนไป2ครั้ง นอกจากนี้ยังมีรถเก๋งที่ขับตามมาด้านหลังบีบแตรเตือนยาวๆอีกหนึ่งครั้ง
หลังจากนั้นตนก็พยายามแซงขึ้นไปทางด้านขวา แต่คู่กรณีก็ขับปาดเข้ามาตัด พร้อมตะโกนด่าว่า “มึงสดหรอ ถิ่นมึงหรือไง พ่อมึงตายหรอ” ด้วยความโมโหตนจึงตะโกนกลับด่าไปว่า “พ่อมึงสิตาย” จากนั้นตนก็ขับรถมาถึงจุดกลับรถจะหวะที่รอกลับรถ รถคู่กรณีก็ขับมาปาดหน้าพร้อมกับเดินลงมาหาเรื่องตน ตามในคลิป
ตนพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม่ต้องโมโหตนขนาดนั้น พี่ขับครอมเลน ตนบีบแตรเตือนไม่ได้เลยหรอ แต่คู่กรณีก็พยายามพูดว่าตนเก่งนักหรอ แถมด่าพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยห้ามและถ่ายคลิป โดยมีภรรยาคู่กรณีค่อยห้าม และพูดว่าไปตีเขาทำไม่ เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ภรรยาของคู่กรณีก็ถูกคู่กรณีตะคอกกลับไม่ให้ยุ่ง
ซึ่งในระหว่างที่โต้เถียงคู่กรณีก็ลงมือทำร้ายตนจนต้องหนีไปในศาลเจ้า แต่คู่กรณีก็ยังไม่หยุดเดินไปหยิบไม้ซึ่งเป็นด้ามไม้กวาดของเจ้าหน้าที่ กทม.มาตีหัวตน แต่โชคดีที่ตนใช้แขนรับไว้ จากนั้นก็มีคนมาช่วยห้ามคู่กรณีจึงหยุดและเดินกลับไปที่รถ ตนก็เดินตามกลับไปที่รถจักรยายนต์ของตนเช่นเดียวกัน
แต่เมื่อคู่กรณีไปถึงรถจักรยายนต์ของตนที่จอดอยู่ก็หยิบกระเป๋าส่งอาหารของตนทุ่มลงพื้น จนอาหารของลูกค้าเสียหาย ก่อนขับรถหลบหนีไป ทำให้ตนต้องกลับไปที่ร้านอาหารสั่งอาหารไปส่งให้ลูกค้าแถมยังต้องเสียเงินเองอีก 340บาท
ทั้งนี้ในเบื้องต้นจากการตรวจร่างกายแพทย์บอกว่าแขนซ้ายและมือขวามีช้ำใน ต้องพักฟื้น7วัน แต่ด้วยภาระหน้าที่ตนไม่สามารถหยุดทำงานได้จึงต้องออกมาทำงาน ส่วนเรื่องคดีความตนประสงค์แจ้งความคู่กรณีในข้อหาทำร้ายร่างกาย และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เพราะถ้าในวันนั้นตอนที่คู่กรณีขับรถปาดมา และตนไม่โชคดีหลบทันตนอาจจะล้มและถูกรถขยะที่ขับเทียบมาเหยียบอาจจะเกิดเหตุสลดมากกว่านี้ หรือถ้าในวันนั้นคู่กรณีมีมีดตนอาจจะไม่ได้มานั่งอยู่แบบนี้ก็ได้ ตนเป็นหัวหน้าครอบครัวหากตนเป็นอะไรไป กระเช้าสวยๆหรือคำขอโทษมันไม่สามารถเทียบกลับชีวิตคนได้เลย